เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๔ ต.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้คนเยอะ ฉะนั้น คนเยอะมันก็ต้องกินข้าวเยอะ อาหารนี่วางไว้กับพื้นเพราะมันไม่มีที่ตั้ง ฉะนั้น เดี๋ยวเวลาใครเข้าไปแล้ว รับอาหารแล้วเดินออกเนาะ แล้วให้คนใหม่เข้าไป ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ทั่วถึงไง นี่แล้วบนโต๊ะเราก็หยิบเอา ที่พื้นก็หยิบเอาเนาะ แล้วถ้าถ้วยจานไม่พอ คนวัดมันรู้ว่าของอยู่ที่ไหน ไปเอาออกมาเนาะ ถ้าถ้วยจานไม่พอกัน เพราะไม่คิดว่าคนมันจะเยอะอย่างนี้ไง ไม่ได้เตรียม

ฉะนั้น ของนี้มันไม่ใช่ดูถูกเนาะ เห็นว่าของอยู่กับพื้นไม่มีค่า ไม่ใช่นะ กรรมฐานเขาไม่ถือศักดิ์ศรี เวลาอยู่กับครูบาอาจารย์ บอกเข้าวัดมาต้องถอดเล็บถอดเขี้ยว ศักดิ์ศรีความดีงามต้องเก็บไว้ที่บ้านให้หมด เราเสมอกันโดยธรรมเนาะ

วันนี้เป็นวันออกพรรษา เราทำคุณงามความดีกันมาทั้งพรรษา แต่การทำคุณงามความดีมา ถ้าในหัวใจของเรา เราปรารถนาดีกันทุกคน แต่ความปรารถนาดีของเรา กิเลสมันอยู่ในหัวใจมันก็ขัดแย้งบ้าง มันจะมีความผิดพลาดบ้าง ในกุศลนะ กุศลมีอกุศล ในอกุศลนะมันเป็นสิ่งที่เราคาดหมาย มันทำไปแล้ว แล้วว่าสิ่งนี้เป็นกุศลได้

“กุศลทำให้เกิดอกุศล อกุศลทำให้เกิดกุศล”

ในสมัยพุทธกาล พระเทวทัตจะทำลายพระพุทธเจ้า จ้างพวกแม่นธนูให้ไปยิงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ คนแรกให้ไปยิงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน แล้วอีก ๔ คน ก็ให้ไปยิง ๔ คนแรกที่ยิงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา แล้วอีก ๔ คน ก็จะไปยิง ๔ คนนั้น

นี่การที่ว่านายแม่นธนูจะไปยิงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้คืออะไร นี้คืออกุศลนะ จะไปฆ่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการจนขอบวช ขอบวชเสร็จแล้วนะ ไอ้คนที่จะฆ่า ๔ คนนั้นก็รอว่าทำไมยังไม่มาซักที ก็เดินตามมาดู พอตามมาดู พระพุทธเจ้าก็เอาบวชหมด ๑๖ คนบวชหมด นี่อกุศลทำให้เกิดกุศลได้

ถ้ากุศล เห็นไหม ในพรรษาทั้งพรรษาเราทำคุณงามความดีกัน เราตั้งใจทำคุณงามความดี แต่ในหัวใจของเรามันก็มีความผิดพลาด ผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว ผิดพลาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผิดพลาดต่างๆ วันนี้วันมหาปวารณา เราถึงจะให้ทำปวารณากันไง ผู้ใดที่เขาเตรียมดอกไม้กันมาแล้ว คนที่เขาเคยทำ มันจะเป็นประโยชน์กับจิตดวงนี้ไง

พันธุกรรมทางจิต เมล็ดพันธุ์พืชเขาตัดแต่งพันธุกรรมกัน จิตของเราเกิดในวัฏฏะ มันทำบุญกุศลนี่มันตัดแต่งพันธุกรรมของจิต ถ้าจิตมันทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี สิ่งที่ดีนี้มันตกผลึกลงที่หัวใจ ภวาสวะ ภพ ความดี ความชั่ว ความเจตนา เกิดจากใจทั้งหมด ใจเป็นคนคิดนะ ทั้งๆ ที่ใจเรานี้เป็นพลังงานเฉยๆ แต่มันมีกุศล คือบุญกุศลมาทำให้ทำคุณงามความดี อกุศลมันทำให้ทำความชั่ว หรือความผิดพลาด ความพลั้งเผลอ ความไม่ตั้งใจอันนี้มันจะตกผลึกลงที่นี่

พอตกลงที่นี่ มันมีผู้ที่ประพฤติปฏิบัติมาหาเยอะมาก

“หลวงพ่อ ผมนี่เคารพพระพุทธเจ้ามาก ผมเคารพครูบาอาจารย์มาก เวลาปฏิบัติไปทำไมเกิดภาพของครูบาอาจารย์ขึ้นมา เกิดภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมา แล้วก็พยายามติเตียน เพ่งโทษ ทำลายทุกอย่างเลย”

นี่เราบอก “ให้ขอขมาซะ! ให้ขอขมา”

มันไม่ได้ตั้งใจหรอก ก็ครูบาอาจารย์ของเรา เราก็เคารพของเรา แต่ใจของเราทำไมมันมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา เห็นไหม ความตกผลึก ความไม่เข้าใจ กรรมอันนี้มันมีมา ทีนี้อย่างนี้อย่าให้มันตกผลึกในใจของเรา เราถึงให้ขอขมาไง ให้ขอขมาต่อรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ของๆ สงฆ์ เรารู้ได้อย่างไรว่าสงฆ์หรือไม่สงฆ์ อยู่ในสมัยพุทธกาลนะ อีกามันไปกินพริกในวัด แล้วมันก็ไปขี้ เมล็ดพริกนั้นไปเกิดอยู่ในป่า เมล็ดพริกนี่เกิดในป่านะ แล้วพวกนายพรานเขาไปเที่ยวป่า เขาไปกินเมล็ดพริกต้นนั้น ต้นนั้นเป็นของๆ สงฆ์ ผู้ใช้ของสงฆ์นั้นเป็นเปรต เห็นไหม มันยังเป็นเลย

ด้วยความไม่รู้ ต้นพริกเกิดในป่า ใครจะเข้าใจบ้างว่าต้นพริกนี้เป็นของๆ สงฆ์ แต่อีกามันไปกินพริกมา อีกาใช่ไหมมันก็บินไปตามธรรมชาติของมัน มันก็ไปขี้ไปถ่ายของมันไว้ เมล็ดพริกนั้นไปเกิด

นี่ถ้าพูดถึงพระพุทธศาสนา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา แล้วเวลาทำบุญกุศล ทุกคนว่าจะติดขัดไปหมดเลย นี่เกจิอาจารย์ก็ว่าเลย อย่างนั้นไม่ได้บุญ อย่างนี้ไม่ได้บุญ อย่างนั้นบุญไม่บุญ เถียงกันปากเปียกปากแฉะ แต่เวลากรรมฐานเรานะ เจตนา.. ดูสิ เวลาสังฆทานนี่เราบอกให้เจตนามา เจตนานั้นล่ะเป็นบุญแล้ว ถ้าเจตนานั้นเป็นบุญ นี่พิธีกรรม เห็นไหม

พิธีกรรม วัฒนธรรม ไม่ใช่ธรรม! ไม่ใช่ธรรม! แต่มันเป็นวัฒนธรรมนะ ถ้าสมมุติก็จริงตามสมมุติ มันเป็นสมมุติอันหนึ่ง แต่ต้องทำตามความเป็นจริงนั้น ในพิธีกรรมนั้นมีไง มีให้เราขอขมาลาโทษ แล้วเราเห็นว่ามันเป็นประโยชน์กับดวงจิตของผู้กระทำนั้นเอง ดวงจิตของผู้กระทำนั้นมันมีความผิดพลาดสิ่งใดในหัวใจบ้าง ด้วยความผิดพลาด ด้วยความไม่รู้ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือสิ่งต่างๆ

นี่การก่อเจดีย์ทราย ประเพณีของชาวพุทธเราก็เพราะเหตุนี้แหละ เวลาเราไปวัดไปวา เราเดินผ่านวัดไป เม็ดทราย เศษดินมันติดรองเท้าเราไป นี่ของสงฆ์ เรารู้หรือไม่รู้ก็แล้วแต่ ประเพณีวัฒนธรรมของโบราณเรา นักปราชญ์เขาให้แบบว่าเราชดใช้ แต่พวกเราไม่รู้นะ ก่อเจดีย์ทรายคือสงกรานต์ไง คือความสนุกเพลิดเพลินไง เป็นวัฒนธรรมไง แต่ไม่รู้ว่าเขาซ่อนนัยไว้ในนั้น

ครูบาอาจารย์ของเรา นักปราชญ์ชาวพุทธซ่อนนัยไว้ ว่าเราเดินผ่านวัดผ่านวาไป สิ่งใดที่มันเป็นเศษติดรองเท้าเราไป ถึงเวลาถึงคราวหน้าสงกรานต์ เขาก็นัดหมายกันเพื่อเอาสิ่งนั้นมาตอบแทนมาคืน ทำผาติกรรม แต่เขาไม่ได้เรียกว่าทำผาติกรรม เดี๋ยวนี้เป็นการท่องเที่ยว นี่โลกมันเคลื่อนไป

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราเข้าใจจุดยืน หลักมันมีอยู่ ถ้าหลักมันมีอยู่ เราทำตามหลักนั้น ถ้าตามหลักนั้น นี่พูดให้เข้าใจว่าทำเพื่ออะไร เราจะทำกันนี่ทำเพื่ออะไร? เวลาเราขอขมา ขอขมาเพื่อใคร?

“โอ๋ย.. ขอขมาเสียศักดิ์ศรี อู๋ย.. ฉันเป็นคนดัง ฉันเป็นคนใหญ่ จะไปขอขมาทำไม อู๋ย.. ฉันไม่ผิด ฉันไม่รู้เรื่อง อู๋ย.. ฉันดีไปหมดเลย”

รู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็แล้วแต่นะ เวลากรรมมาในใจเอ็งนี่.. เพราะคนที่เวลามาแก้เขารู้เรื่องอะไรล่ะ เขาก็ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย แต่ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ ภาวนาไปแล้วทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ ทำไมภาวนาแล้วเป็นอย่างนี้ล่ะ เราบอกว่านี่มันเป็นประวัติศาสตร์ มันเป็นสิ่งที่เราทำมา มันเป็นอดีตมาแล้ว นี่เราก็เคารพบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็นั่งภาวนาไปสิ พอจิตสงบมันเป็นภาพมาเลยนะ แล้วก็เพ่งโทษ ติเตียน ติเตียนไปทุกๆ อย่างเลย แล้วให้ผมทำอย่างไรล่ะ ให้ผมทำอย่างไร?

พระพุทธเจ้าทำร้ายเราหรือ? รัตนตรัยทำร้ายเราหรือ? ไม่มีใครทำร้ายเราเลย แต่หัวใจของเรา มันเป็นเวรเป็นกรรมที่มันสร้างของมันไว้ ถ้ามันสร้างของมันไว้ เวลากรรมมันให้ผลแล้วโทษใครล่ะ.. กรรม เห็นไหม นี่กรรมมันให้ผลการกระทำนี้ แล้วกรรมมันอยู่ที่ไหนล่ะ สิ่งนี้นะ ถ้าเราจะทำคุณงามความดีกัน

นี่ก็เหมือนกัน เรามาวัดมาวากันเพื่อเป็นบุญกุศล แต่ความผิดพลาดพลั้งเผลอไป สิ่งนั้นเราไม่ควรให้มันติดในใจเราไปไง เราถึงให้กระทำ ให้มีการขอขมา ขอขมารัตนตรัย เดี๋ยวจะให้ผู้นำเนาะขึ้นนะโม ตัสสะ แล้วก็ระตะนัตตะเยเนาะ เสร็จแล้วนะถ้ามีดอกไม้ธูปเทียน ให้ไปไหว้ที่พระประธานนู่นเนาะ ที่นี่มันไม่พอ แล้วมันยุ่ง

นี่เราทำกันเพื่อประโยชน์ไง ใช่ มันเป็นพิธีกรรม เราปฏิเสธจริงๆ พิธีกรรมนี่ปฏิเสธมาก เพราะถือว่ากรรมฐาน พระป่า.. พระป่าหมายถึงพระผู้ที่ปฏิบัติ มันต้องเข้าเผชิญกับความจริงเลย สิ่งใดที่มันรุ่มร่าม มันเป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เราไม่เอาเลยนะ ใจนี้ไม่เอาเลย แต่วันนี้ออกพรรษาแทบทุกคราวไป เราเห็นแก่น้ำใจของผู้ที่ผิดพลาดนะ น้ำใจของคนที่ทำผิดอันนั้นแหละ

เพราะคนมาให้เราแก้เรื่องนี้พอสมควร เราก็บอกเขาว่า ดีอย่างหนึ่งเราไม่มี เราไม่เคยเป็นอย่างนั้น เราไม่มีนะ แต่คนเป็นอย่างนี้เยอะ พระนี่เป็นเยอะ พระมาให้แก้เยอะ แล้วโยมเป็นก็มี แล้วมันเป็นขึ้นมานี่ มันเป็นสิ่งที่สุดวิสัย สิ่งที่สุดวิสัยเพราะมันเกิดขึ้นมาจากจิต เวลาครูบาอาจารย์ท่านอยู่ในป่า ท่านบอกว่า “ท่านฟังธรรมทั้งวันทั้งคืนเลย”

ฟังธรรมไง เวลาพระภาวนาไป พอจิตสงบใช่ไหมมันจะเกิดเป็นคำถาม คำตอบขึ้นมาจากใจ เห็นไหม มันผุดขึ้นมา นี่เขาเรียกว่า “ธรรมเกิด”

ธรรมเกิดไม่ใช่อริยสัจ อริยสัจนะมันเป็นจิตของเราสงบ จิตของเราสงบแล้วจิตของเรามีหลักมีเกณฑ์ แล้วจิตของเราน้อมไปเห็นกาย เวทนา จิต ธรรม ด้วยสติสัมปชัญญะ เหมือนเราทำงานด้วยมือ มือจับต้องสิ่งใดมันชัดเจนมาก คำว่าจับต้องสิ่งที่ชัดเจนมาก จิตมันน้อมไป มันวิปัสสนาของมัน อริยสัจมันเกิดอย่างนั้น

สติปัฏฐาน ๔ กาย เวทนา จิต ธรรม วิปัสสนาโดยจิตมันเป็นอริยสัจ แต่ธรรมเกิดไม่ใช่อริยสัจ ธรรมเกิดนี่มันผุดขึ้นมา มันผุดขึ้นมาโดยเวรกรรมของคน เพราะบางคนไม่มีมันก็ไม่ผุด แล้วบางคนมีนะ มันผุดขึ้นมา มันผุดเป็นภาษาบาลี บางคนมันผุดขึ้นมาเป็นภาษาไทย บางคนมันผุดขึ้นมาลึกลับซับซ้อน ละเอียดมาก บางคนผุดมาหยาบๆ มันอยู่ที่พื้นฐานของจิต อยู่ที่อำนาจวาสนาของจิตแต่ละดวงที่มันสร้างของมันมา เห็นไหม มันผุดขึ้นมา

นี่ก็เหมือนกัน เวรกรรม เวลาภาวนาไปเป็นเวรเป็นกรรมนี่มันผุดขึ้นมา ดูสัญญาสิ เราเป็นเด็กเราจำสิ่งใดได้ไหม เวลาเราจำสิ่งใดได้ เราลองนึกถึงตอนเด็กสิ นี่ก็เหมือนกัน เวลาภาวนาไป เราลืมไปแล้วก็แล้วแต่ มันขึ้นมาหมดเลยนะ เวลาภาวนานี่ เพราะอะไร เพราะการภาวนามันต้องไปชำระล้างความสกปรกของใจ แล้วสิ่งใดที่มันตกผลึกในใจ สิ่งใดที่มันมีความหมักหมมในใจ ต้องไปชำระล้างอย่างนั้น แล้วนี่มันเวรกรรมที่มันเก่าแก่มา มันมีร่องมีรอยมาไง

เราถึงว่าวันนี้วันออกพรรษา เป็นวันที่ธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอนุญาตไว้ เป็นวันมหาปวารณา เป็นวันที่ขอขมาลาโทษ เราถึงเอาวันนี้เป็นวันสำคัญให้พวกเราได้ขอขมาลาโทษ ขอขมาลาโทษเพื่อให้ใจของเราไม่มีสิ่งที่เป็นบาปอกุศลตกผลึกในหัวใจของเรา อย่าให้สิ่งนี้เกิดกับเราข้างหน้าเลย ตอนนี้มันไม่มีอะไรหรอก แต่มันจะไปเกิดกับเราข้างหน้าโดยที่เราไม่รู้ตัว ถึงให้มันหมดไปจากใจของเรา

ฉะนั้น เราจะให้โยมทำเนาะ วันนี้เอวังก่อน เอวัง